รู้ไหม มาตรฐาน API คืออะไร?

รู้ไหมมาตรฐาน API คืออะไร?

 

ในปัจุบัน สำหรับคนที่มีรถยนต์ คงจะหนีไม่พ้นที่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ซึ่งน้ำมันเครื่องไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเดียว ยังมีรายละเอียดต่างๆที่ผู้ขับขี่ควรทราบสำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้รถยนต์ของคุณ นั่นก็คือ มาตรฐาน API ซึ่งเป็นตัวที่ความสำคัญมากต่อการเลือกการใช้งาน ว้นนี้ Oilsquare จะมาสรุป มาตรฐาน API ให้ทุกคนเข้าใจแบบง่ายๆกันค่ะ 

 

มาตรฐาน API คือ (American Petroleum Institute) หรือสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา ซึ่งเป็นผู้กำหนดมาตรฐานการแบ่งเกรดน้ำมันหล่อลื่นให้เหมาะสมตามสภาพการใช้งานของรถยนต์ โดยแบ่งออกเป็นเป็นสองประเภท นั่นก็คือ มาตรฐาน API น้ำเครื่องยนต์เบนซิน และ ดีเซลนั่นเองค่ะ

 

 

มาตรฐาน API ของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน

สำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินจะใช้สัญลักษณ์ S (Service Stations Classifications) นำหน้า เช่น SA, SB, SC, SD, SE, SF, SG, SH, และ SJ

  • SA – สำหรับใช้งานเบาไม่มีสารเพิ่มคุณภาพ
  • SB – สำหรับใช้งานเบามีสารเพิ่มคุณภาพเล็กน้อย และสารป้องกันการกัดกร่อน (ไม่แนะนำให้ใช้ในเครื่องยนต์รุ่นใหม่)
  • SC – สำหรับเครื่องยนต์ที่ผลิตระหว่าง คศ. 1964-1967 มีคุณภาพสูงกว่ามาตรฐาน SB เล็กน้อย
  • SD – สำหรับเครื่องยนต์ที่ผลิตระหว่าง คศ. 1968-1971 มีสารคุณภาพสูงกว่า SC และมีสารเพิ่มคุณภาพมากกว่า SC
  • SE – สำหรับเครื่องยนต์ที่ผลิตระหว่าง คศ. 1971-1979 มีสารเพิ่มคุณภาพเพื่อเพิ่มสมรรถนะให้สูงกว่า SD และ SC และสามารถใช้แทน SD และ SC ได้ดีกว่า
  • SF – สำหรับเครื่องยนต์ที่ผลิตระหว่าง คศ. 1980-1988 มีคุณสมบัติป้องกันการเสื่อมสภาพ สามารถทนความร้อนสูงกว่า SE และมีสารชำระล้างคราบเขม่าได้ดีขึ้น
  • SG – ประกาศใช้เมื่อเดือนมีนาคม คศ.1988 มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นกว่ามาตรฐาน SF มีสารป้องกันการสึกหรอ สารป้องกันการกัดกร่อน สารป้องกันสนิม สารป้องกันการเสื่อมสภาพเนื่องจากความร้อนสารชะล้าง-ละลาย และย่อยเขม่าที่ดีขึ้น
  • SH – ประกาศใช้เมื่อปี คศ.1994 เพื่อรองรับการผลิตและพัฒนาเครื่องยนต์ที่มีระบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น ระบบ Twin Cam, Fuel Injector, Multi-Valve, Variable Valve Timing และมีการติดตั้งระบบแปรสภาพไอเสียเพิ่มขึ้น
  • SJ – ประกาศใช้เมื่อ คศ.1997 เป็นมาตรฐานสูงสุดในปัจจุบัน มีคุณสมบัติทั่วไปคลายกับมาตรฐาน SH แต่จะช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีกว่า และยังมีค่าการระเหยตัวต่ำกว่า ลดอัตราการกินน้ำมันเครื่องลงและ มีค่าฟอสฟอรัสที่ต่ำกว่าจะช่วยให้เครื่องกรองไอเสียใช้งานได้นานขึ้น

 

API ของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล

สำหรับเครื่องยนต์ที่มใช้น้ำมันเบนซินจะใช้สัญลักษณ์  C (Commercial Classifi-cations) นำหน้าเช่น CA, CB, CC, CD, CD-II, CF, CF-2, CF-4, และ CG-4

  • CA – สำหรับเครื่องยนต์ที่ผลิตขึ้นระหว่าง คศ. 1910-1950 เหมาะกับเครื่องยนต์ที่ใช้งานเบา มีสารเพิ่มคุณภาพเล็กน้อย
  • CB – ประกาศใช้เมื่อ คศ. 1949 สำหรับเครื่องยนต์ธรรมดา ใช้กับงานเบาปานกลาง มีสารคุณภาพสูงกว่า CA
  • CC – ประกาศใช้เมื่อ คศ. 1961 สำหรับเครื่องยนต์ที่ติดซุปเปอร์ชาร์จหรือเทอร์โบ ซึ่งมีคุณภาพสูงกว่า CB โดยเพิ่มคุณสมบัติในการป้องกันคราบเขม่า มีสารป้องกันสนิมและกัดกร่อน ไม่ว่าเครื่องยนต์จะร้อนหรือเย็นจัดก็ตาม
  • CD – ประกาศใช้เมื่อ คศ.1955 สำหรับเครื่องยนต์ที่ติดซุปเปอร์ชาร์จหรือเทอร์โบที่ใช้งานหนักและรอบจัด มีคุณภาพสูงกว่า CC
  • CD-II – ประกาศใช้เมื่อ คศ. 1988 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 2 จังหวะ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์ดีทรอยด์ที่ใช้ในกิจการทางทหาร
  • CE -ประกาศใช้เมื่อ คศ.1983 สำหรับเครื่องยนต์ที่ติดซุปเปอร์ชาร์จหรือเทอร์โบที่ใช้งานหนักและรอบจัด มีคุณภาพสูงกว่า CD ป้องกันการกินน้ำมันเครื่องได้อย่างดีเยี่ยม
  • CF – ประกาศใช้เมื่อ คศ. 1994 เป็นมาตรฐานสูงสุดในเครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบัน สำหรับเกรดธรรมดา(Mono Grade) เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลทุกชนิด ไม่ว่าจะใช้งานหนักหรือเบา โดยใช้แทนในมาตรฐานที่รองลงมา เช่น CE, CD, CC ได้ดีกว่า
  • CF-2 – ประกาศใช้เมื่อ คศ. 1994 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ 2 จังหวะ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์ดีทรอยด์ที่ใช้ในกิจการทางทหาร
  • CF-4 – ประกาศใช้เมื่อ คศ. 1990 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ 4 จังหวะ ที่ติดซุปเปอร์ชาร์จหรือเทอร์โบที่ใช้งานหนักและรอบจัด เป็นน้ำมันเครื่องเกรดรวม สามารถป้องกันการกินน้ำมันเครื่องได้ดีเยี่ยม
  • CG-4 – ประกาศใช้เมื่อ ค.ศ. 1996 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ 4 จังหวะ ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดในในปัจจุบัน เป็นน้ำมันเครื่องเกรดรวม

 

เลือกค่ามาตรฐาน API อย่างไรให้เหมาะกับรถยนต์ของคุณ

  1. สังเกต ถ้าหากน้ำมันเครื่องเบนซิน เป็นค่า C นำหน้า ถ้าเป็นดีเซล เป็นค่า S นำหน้า
  2. ส่วนตัวอักษร A-Z เรียงตามลำดับมากกว่าคือมาตรฐานสูงกว่า และมีคุณภาพที่ดีกว่า

 



Visitors: 908,185